การขายของออนไลน์เป็นช่องทางการทำธุรกิจออนไลน์สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่นิยมมกันมากในปัจจุบันนี้ แม่ค้าส่วมมากจะเปิดร้านค้าออนไลน์หลายร้านหลาย Marketplace ต่างๆ เช่น Shopee Lazada TikTok Shop Shopify เป็นต้น เลยร้านค้าออนไลน์จะเลือกระบบหลังบ้านมาดำเนินการเพื่อช่วยจัดการสต็อก สินค้า ออเดอร์อย่างง่ายดายและประหยัดเวลา แล้วในบทความนี้จะเล่าถึงว่าเวลาจัดการสต็อกสินค้า หลายๆร้านค้าต้องทำยังไงเพื่อไม่ให้สับสนและชัดเจน มาดูพร้อมกันเลยค่ะ 


1. แยกสินค้าตามหมวดหมู่

 
พ่อค้าแม่ค้าสามารถแบ่งแยกสินค้าตามหมวดหมู่ได้ แยกหมวดหมู่เป็น 2-3 ระดับ เช่น ถ้าแบ่งแยกตามประเภทสินค้า ระดับแรกเป็นเสื้อผ้า หรือกางเกง หรือกระโปรง แล้วภายใต้เสิ้อผ้าจะแยกเป็นสี ขนาด หรืออื่นๆ แยกตามความนิยมของตนเองได้ อีกทั้งยังสามารถแยกตามสินค้าที่ขายดี ขายง่าย หรือสินค้าที่ขายไม่ค่อยดี การแบ่งแยกสินค้าตามหมวดหมู่นี้สามารถช่วยร้านค้าจัดการและควบคุมสินค้าได้ง่าย กรองสินค้าอย่างรวดเร็วและไม่สับสน เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน 


2. สร้าง Label สินค้า
 
พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของออนไลน์สามารถแยกสินค้าตามรหัสสินค้าได้เพื่อจัดการสต็อกสินค้าได้ง่ายขึ้น โดยสร้าง Label ได้แบบบาร์โค้ด หรือ QR โค้ด ซึ่งจะแสดงรหัสสินค้า หรือ SKU Merchant หรือ GTIN ได้ผ่านระบบหลังบ้าน เช่น BigSeller ช่วยแยกแยะได้รายละเอียดและชัดเจน


3. การจัดวางตำแหน่งชั้นวาง

พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์สามารถแยกสินค้าตามตำแหน่งชั้นวางได้ จัดเก็บสินค้าบนตำแหน่งชั้นวางตามความนิยมของตนเอง แล้วตำแหน่งชั้นวางสามารถใช้รหัสมาแบ่งซอนได้ เช่น สามารถใช้รหัสแบบที่อยู่ รหัสแบบกลุ่มสินค้า เป็นต้น เพื่อแบ่งแยกและจัดวางสินค้าได้อย่างชัดเจน ค้นหาและตรวจสอบสต็อกสินค้าอย่างรวดเร็ว แม่นยำ และสะดวก เพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาด



4. เช็คสต็อกสินค้าในคลังอย่างสม่ำเสมอ

พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ต้องเช็คสต็อกสินค้าในคลังอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยต้องสัปดาห์ละครั้ง เพื่อยืนยันว่าสต็อกสินค้าที่ขายออนไลน์ได้สอดคล้องกับสต็อกที่จริงหรือไม่ หลีกเลี่ยงจัดส่งล้มเหลวเนื่องจากสต็อกไม่เพียงพอ อีกทั้ง บางร้านค้านอกจากขายของออนไลน์แล้วยังขายออฟไลน์ด้วย ยิ่งจำเป็นต้องปรับปรุงจำนวนสต็อกสินค้าในระบบหลังบ้าน เช็คสต็อกสินค้าเพื่อความถูกต้องของสต็อกสินค้า
 


5. วางแผนการสั่งซื้อสินค้าให้ดี

ก่อนที่จะสั่งซื้อสินค้ามาเพิ่มสต็อกสินค้าในคลัง ร้านค้าควรวางแผนให้ดีตามการวิเคราะห์การขายสินค้าว่าควรสั่งซื้อเท่าไร สินค้าที่ขายดีจะเพิ่มจำนวนการสั่งซื้อ สินค้าที่ขายไม่ค่อยคล่องจะลดจำนวนการสั่งซื้อ อีกทั้ง ถ้าหากใกล้ถึงช่วงเวลาแคมเปญใหญ่ๆ เช่น 9.9 10.10 11.11 ควรวางแผนสั่งซื้อสินค้าไว้ล่วงหน้า เพื่อจัดการสต็อกสินค้าให้ดี หากใช้ระบบหลังบ้าน BigSeller จะสามารถให้คำแนะนำการเตรียมสต็อกได้ ช่วยดำเนินงานได้สะดวกง่ายขึ้น




สรุป

ข้างบนดังกล่าวจะเป็นการจัดการสต็อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ หากกำลังมองหาระบบหลังบ้านที่สามารถรองรับการดำเนินการดังกล่าวที่พูดถึงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสต็อกสินค้าของร้านค้า สามารถลองใช้ BigSeller ได้ มีเวอร์ชันฟรีให้ใช้ตลอดเวลาเลยค่ะ