การขายของออนไลน์แบบ Dropship เป็นรูปแบบการทำธุรกิจหนึ่งที่ใครๆก็สามารถทำได้ โดยพ่อค้าแม่ค้าไม่ต้องสต็อกของ เริ่มต้นง่าย ใช้ทุนน้อย และเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่หารายได้เสริมได้ แล้วใครรู้ไหมว่าการขายของออนไลน์แบบ Dropship คืออะไร ต้องทำอย่างไรถึงจะให้ขายได้ปังๆ  มาดูบทความนี้พร้อมกันเลย
 

รูปภาพจาก istockphoto


Dropship (ดรอปชิป) คืออะไร

Dropship (ดรอปชิป) คือ ช่องทางการขายของออนไลน์แบบไม่มีสต็อกของ หรือที่เข้าใจกันว่า ตัวแทนจำหน่าย จะเป็นการนำสินค้าจากร้านคนอื่นหรือซัพพลายเออร์มาวางขายไว้ในร้านค้าของคุณโดยได้รับการอนุมัติแล้ว โดยคุณสามารถตั้งราคาขายเอง และโพสต์ขายของช่องทางต่างๆได้ เช่น Maketplace Social Media หลังจากการมีลูกค้าสั่งซื้อจากร้านคุณ ทางซัพพลายเออร์จะเป็นคนที่จัดส่งสินค้าไปยังปลายทางลูกค้า



Dropship (ดรอปชิป) จะเริ่มต้นอย่างไร

รู้จัก Dropship คืออะไรแล้ว หากแม่ค้าจะเริ่มต้นทำธุรกิจแบบ Dropship ควรจะเริ่มต้นอย่างไร

  1. คิดให้ดีว่าจะขายของอะไร แล้วไปค้นหาร้านค้าหรือซัพพลายเออร์ที่เปิดรับตัวแทนจำหน่ายแบบ Dropship

  2. เลือกประเภทสินค้าที่ต้องการขาย แล้วสมัครเป็น ตัวแทนจำหน่าย กับร้านค้านั้น

  3. นำข้อมูลสินค้ามาลงบนร้านค้าออนไลน์ของคุณหรือช่องทางอื่นๆ เช่น Shopee Lazada TikTok Facebook IG เป็นต้น

  4. หาวิธีมาให้สินค้าของตนเองให้คนมองเห็นมากขึ้น

  5. เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามา ก็ส่งคำสั่งซื้อไปยังซัพพลายเออร์

 6. ทางซัพพลายเออร์จะเป็นผู้ที่แพ็คสินค้าและจัดส่งสินค้าไปให้ลูกค้าในนามของร้านตัวแทนจำหน่าย



เทคนิคการขายของออนไลน์แบบ Dropship ให้ขายได้ปัง

1. ศึกษาตลาดสินค้าให้ดี

ทุกวันนี้ ความแข่งขันของตลาดการขายของออนไลน์แบบ Dropship ค่อนข้างสูง เลยการเลือกขายสินค้าประเภทที่ผู้ซื้อชื่นชอบและเหมาะสมแนวคิดแบรนด์ร้านค้าของตนเองจะเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับแม่ค้าที่เริ่มทำการขายของแบบ Dropship ดังนั้น แม่ค้าสามารถศึกษาตลาดสินค้าให้ดีตามความชอบของเป้าหมายตลาดและการวางตำแหน่งแบรนด์ ว่าจะขายประเภทสินค้าใดได้รอะไรให้ขายได้ดี


2. คิดให้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร

ก่อนที่จะตัดสินใจว่าขายสินค้าประเภทอะไร คุณต้องรู้ว่าคุณจะขายให้ใคร ใครจะเป็นเป้าหมายของคุณ โดยกลุ่มผู้บริโภคในตลาดมีขนาดใหญ่ และสิ่งที่ต้องการของแต่ละกลุ่มจะแตกต่างกัน เช่น คุณแม่ที่เพิ่งคลอดลูกต้องการของใช้สำหรับทารก คนที่เลี้ยงแมวต้องการอุปกรณ์เลี้ยและอาหารแมว เป็นต้น เลยควรคิดให้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร ถึงจะเดินงานต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น


3. ศึกษาคู่แข่งทางการตลาด

เนื่องจากการทำ Dropship ไม่ต้องสต็อกของ เริ่มต้นง่าย ใช้ทุนน้อย เลยได้ดึงดูดผู้คนจำนวนมากเข้ามาทำ Dropship หลังจากตัดสินใจว่าจะขายสินค้าอะไร ต่อมาคือเริ่มต้นศึกษาคู่แข่งทางการตลาดมีใครบ้าง แล้วเลือกร้านค้าที่มีคุณภาพสูงหลายร้านเพื่อศึกษากลยุทธ์การตลาดขายของออนไลน์ของเขาคืออะไรและเป็นอย่างไร เช่น การโชร์สินค้าในหน้าร้าน การตั้งข้อมูลสินค้า  การทำโฆษณา การจัดกิจกรรมส่วนลด เป็นต้น  เพื่อนำมาปรับใช้กับร้านตนเองให้ไปได้ดี 


4. ค้นหาซัพพลายเออร์ที่น่าเชื่อถือ

การค้นหาซัพพลายเออร์ที่น่าเชื่อถือเป็นส่วนประกอบงานสำคัญของการทำ Dropship  เช่นกัน เมื่อมีการขายของแล้ว ส่งคำสั่งซื้อให้ซัพพลายเออร์เพื่อให้ช่วยส่งของไปยังลูกค้า ดังนั้น ต้องยืนยันว่าซัพพลายเออร์ที่ค้นหาไว้เป็นอย่างไร เช่น สามารถฟีดแบคสถานการณ์การจัดส่งและ/หรือสต็อกไม่เพียงพอให้ ได้ส่งของตามคำสั่งซื้อให้ลูกค้า มีความรับผิดชอบหากเกิดข้อผิดพลาดเนื่องจากซัพพลายเออร์ เลยสามารถค้นหาซัพพลายเออร์สักหลายเจ้าเพื่อให้ใช้งานได้เมื่อที่ต้องการ


5. ตั้งราคาขายให้เหมาะสม

การตั้งราคาขายเป็นปัยจัยหนึ่งที่สำคัญในการดึงดูดลูกค้าสั่งซื้อสินค้าของคุณ หากราคาขายตั้งสูงเกินไป ลูกค้าอาจจะยินยอมที่จะไปเลือกซื้อที่ร้านค้าที่ถูกกว่า หากตั้งต่ำเกินไป แม่ค้าจะได้กำไรไม่มาก อาจเกิดความรู้สึกว่าทำไมทำ  Dropship ได้แค่นี้ เราคุ้มที่จะทำต่อไปไหมแบบนี้ เลยร้านค้าแบบทำ Dropship สามารถตั้งราคาขายที่เหมาะสมโดยสามารถศึกษาจากคู่แข่งได้



สรุป

ใครสนใจจะขายของออนไลน์แบบ Dropship สามารถลองลงมือทำได้ ไม่ต้องสต็อกของ ลงทุนน้อย ประหยัดเวลาในการจัดส่ง ช่วงแรกจะต้องใช้เวลาในการศึกษาเรียนรู้การทำ Dropship บ้าง ทำไปด้วยและจะค่อยๆเติบโตไปเรื่อยๆค่ะ