Blog > ขายของออนไลน์ > 10 เทคนิคลับเพิ่มยอดขาย TikTok Shop ครึ่งปีหลัง 2025 ที่ร้านดังไม่เคยบอกคุณ!

10 เทคนิคลับเพิ่มยอดขาย TikTok Shop ครึ่งปีหลัง 2025 ที่ร้านดังไม่เคยบอกคุณ!

โอ๊ต 23 ก.ค. 2025 02:26Copy link & title

เสียงแจ้งเตือนออเดอร์เข้า ที่เคยดังรัว ๆ ในมือถือ แต่ตอนนี้กลับเงียบกริบจนน่าใจหาย... สำหรับใครที่กำลังรู้สึกเหนื่อยกับการทำคลิปใหม่ทุกวัน ไลฟ์สดจนเสียงแหบเสียงแห้ง แต่ยอดขายกลับไม่ปังดั่งที่หวัง จนเกิดคำถามในใจว่า ‘เราพลาดตรงไหนไป?’ บทความนี้จะมาแชร์เทคนิคเพิ่มยอดขาย TikTok Shop ทั้ง 10 ข้อ ที่กลั่นมาจากประสบการณ์ของร้านค้าที่ประสบความสำเร็จ ที่จะช่วยปลดล็อกศักยภาพร้านของคุณให้กลับมามีออเดอร์เข้ามารัว ๆ อีกครั้ง!

แหล่งอ้างอิง:    https://www.tiktok.com/business/en, https://www.shopify.com/blog/tiktok-marketing,
https://sproutsocial.com/insights/social-media-statistics/,
                  https://support.tiktok.com/en/using-tiktok/creating-videos/captions-and-subtitles
1. หากลุ่ม "Niche" ให้เจอ
ร้านค้าที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ไม่ได้ขายทุกอย่าง แต่พวกเขาเลือกที่จะเป็น "ตัวจริง" ในตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เช่น การเป็นร้านขาย "อุปกรณ์แคมป์ปิ้งสำหรับสายมินิมอล" ย่อมสร้างการจดจำและดึงดูดลูกค้าตัวจริงได้ดีกว่าการเป็น "ร้านขายของจิปาถะ" โดยหลักแล้วอัลกอริทึมของ TikTok จะเรียนรู้ว่าช่องของคุณเชี่ยวชาญเรื่องอะไร และจะนำส่งคอนเทนต์ของคุณไปยังกลุ่มคนที่สนใจเรื่องนั้น ๆ โดยตรง ทำให้คุณได้ลูกค้าที่ใช่และมีแนวโน้มจะซื้อสูง นอกจากนี้ การแข่งขันในตลาด Niche ยังน้อยกว่าตลาดใหญ่ ๆ ทำให้คุณมีโอกาสโดดเด่นได้ง่ายขึ้น หากตอนนี้คุณขาย "เสื้อผ้าผู้หญิง" อยู่ ลองคิดสินค้าใหม่ที่เจาะจงมากกว่านี้ เช่น "เสื้อผ้าผู้หญิงไซส์พลัสสำหรับใส่ทำงาน" ซึ่งการเจาะจงจะทำให้แบรนด์คุณชัดเจนมาก และอาจจะลองหาแฮชแท็ก ที่เกี่ยวข้องกับ Niche ของคุณ เพื่อดูว่ามีคนทำคอนเทนต์แนวนี้เยอะแค่ไหน มีการแข่งขันสูงหรือไม่ และมีคนสนใจดูมากน้อยเพียงใด

2. หยุดนิ้วพระเจ้าให้ได้ใน "3 วินาทีแรก"
พฤติกรรมคนเล่น TikTok คือการไถฟีดอย่างรวดเร็ว และคุณมีเวลาแค่ "3 วินาทีแรก" ที่จะสร้างความน่าสนใจและหยุดพวกเขาให้ได้ หากทำไม่สำเร็จ คลิปของคุณก็จะถูกเลื่อนผ่านไปอย่างไร้ความหมาย อัลกอริทึมของ TikTok ยังคงมีรากฐานเหมือนกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ นั่นคือหากคลิปไหนมี Average Watch Time หรือเวลาที่คนใช้ดูคลิปโดยเฉลี่ยที่เยอะ นั่นจะเป็นการส่งสัญญาณบอกไปยัง TikTok ว่าคอนเทนต์ของคุณมีคุณภาพ และจะถูกนำส่งไปยังฟีดผู้คนจำนวนมาก ลองสร้างความสงสัยด้วยการจั่วหัว เช่น "ของ 3 อย่างที่ห้ามเอาเข้าห้องนอนเด็ดขาด (และหนึ่งในนั้นคือสินค้าของคุณ)", เปิดคลิปด้วยภาพ Before-After ของการใช้สกินแคร์ หรือภาพอาหารที่ทำเสร็จแล้วหน้าตาน่าทาน, เล่นกับการหักมุม/ขัดแย้ง เช่น นี่คือเหตุผลที่คุณไม่ควรซื้อเก้าอี้ตัวนี้ ถ้าคุณไม่อยากสบายจนไม่อยากลุกไปไหน!

3. "เล่าเรื่อง" ไม่ใช่ "ขายของ"
แทนที่จะพูดว่า "ซื้อสิคะ! สินค้าดี มีโปรโมชั่น" ลองเปลี่ยนเป็นการเล่าเรื่องราวที่สินค้าของคุณเป็นส่วนหนึ่งในนั้น มันจะทำให้ผู้คนจดจำเรื่องราวได้ดีกว่าโฆษณาเสมอเพื่อให้ลูกค้าไม่ใช่แค่ขาจรที่มาซื้อของแล้วจากไป แต่ต้องให้พวกเขาเป็น "แฟนคลับ" ที่พร้อมจะสนับสนุนตัวคุณ จงใช้วิธีคิดด้วยตรรกะแบบของ Content Creator ที่เนื้อหาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในผลงานของคุณ แล้วให้สินค้าเป็นพระรอง หรือ นำเสนอว่ามันเป็น "ทางเลือก" ให้กับพวกเขา หรือ ถ้ารู้สึกว่าอยากนำเสนอด้วยผลิตภัณฑ์ก่อน ลองหาแง่มุมต่าง ๆ ที่ไม่ใช่แค่การขายแบบตรง ๆ เช่น การบอกเล่าเบื้องหลังความผิดพลาด ทำคลิปเล่าถึงสินค้าที่เคยออกแบบผิดพลาด หรือปัญหาที่เคยเจอ ซึ่งมันจะทำให้แบรนด์ของคุณดูจริงใจและเข้าถึงง่าย หรือจะลองหารีวิวดี ๆ จากลูกค้ามาทำเป็นคลิปขอบคุณ พร้อมเล่าว่ารีวิวนั้นมีความหมายกับคุณและทีมงานอย่างไร

4. ยกระดับการไลฟ์สดด้วย "Gamification"
ปฎิเสธไม่ได้ละนะครับว่าการไลฟ์สดนับเป็นหนึ่งในเครื่องมือช่วยสร้างยอดขาย TikTok Shop ที่ทรงพลัง กระนั้นในยุคนี้การไลฟ์แบบธรรมดาก็อาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป ลองเพิ่มองค์ประกอบของเกมเข้าไปหรือที่เรียกว่า Gamification สร้างการมีส่วนร่วมและเปลี่ยนคนดูให้เป็นลูกค้า กระตุ้นให้คนดูอยู่จนจบไลฟ์และสร้างบรรยากาศการซื้อขายที่คึกคัก เช่น Flash Sale ดีลพิเศษสุด ๆ แค่ 5 นาที ตอน 3 ทุ่มตรง! เพื่อให้คนเฝ้ารอและตัดสินใจซื้อทันที, ประมูลสินค้าจากราคาต่ำ ๆ แล้วให้คนแข่งกันเสนอราคา ใครให้ราคาสูงสุดในเวลาที่กำหนดก็ได้ของไป หรือ ใคร CF สินค้าชิ้นนี้ในไลฟ์ รับ 1 สิทธิ์หมุนกงล้อลุ้นรับของแถมพิเศษ เป็นต้น

5. พลังของ "TikTok Affiliate"
ถ้าหากว่าคุณไม่ถนัดที่จะออกหน้ากล้อง, การทำคอนเทนต์ด้วยตัวเองไม่ใช่ทาง หรือไม่อยากรับความเสี่ยงในแง่ของการจ่ายค่าโฆษณา ลองหันไปมองการโปรโมทด้วยระบบนายหน้า (Affiliate Marketing) ให้ครีเอเตอร์คนอื่น ๆ ช่วยขาย วิธีนี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงฐานผู้ติดตามของครีเอเตอร์จำนวนมากในหลากหลายกลุ่มเป้าหมาย โดยจ่ายแค่ "ค่าคอมมิชชั่น" เมื่อมีมีคนซื้อสินค้าของคุณผ่านครีเอเตอร์ แต่มีทริกเล็ก ๆ น้อย ๆ เสริมอีกหน่อยคือพยายามเลือกครีเอเตอร์ที่ภาพลักษณ์และสไตล์การทำคอนเทนต์สอดคล้องกับแบรนด์ของคุณ ไม่ใช่แค่เลือกจากจำนวนผู้ติดตาม ซึ่งจะเข้าข่ายเทคนิคที่ 1 พอดี

6. ตอบคอมเมนต์ด้วย "วิดีโอ"
เมื่อมีคนคอมเมนต์ถามคำถามที่น่าสนใจในคลิปของคุณ อย่าแค่พิมพ์ตอบ แต่ให้ใช้ฟีเจอร์ "ตอบกลับด้วยวิดีโอ" (Reply with video) เป็นการแสดงให้เห็นว่าคุณใส่ใจลูกค้า ได้คอนเทนต์ใหม่เพิ่ม 1 ชิ้นฟรี ๆ โดยไม่ต้องคิดหัวข้อเอง และคำตอบของคุณอาจเป็นสิ่งที่คนอื่นสงสัยอยู่เช่นกัน!

7. วิเคราะห์ข้อมูลหลังบ้านอย่างสม่ำเสมอ
จำไว้ว่า "สิ่งใดที่วัดผลไม่ได้ สิ่งนั้นพัฒนาไม่ได้" TikTok มีเครื่องมือวิเคราะห์ (Analytics) ที่ทรงพลังซ่อนอยู่ อย่าปล่อยให้ข้อมูลเหล่านี้เสียเปล่า มันสามารถช่วยให้คุณเลิกคาดเดา แล้วสามารถเลือกที่จะทำสิ่งใดหรือไม่ทำสิ่งใดได้ผ่านชุดข้อมูล ไล่ตั้งแต่ Average Watch Time (ระยะการดูโดยเฉลี่ย) ถ้าต่ำ แสดงว่าฮุกของคุณไม่ดีพอ หรือเนื้อหากลางคลิปน่าเบื่อ,
Completion Rate (อัตราคนดูจนจบ) บอกคุณภาพของคอนเทนต์โดยรวมเป็นอย่างไร, Follower Insights ดูว่าผู้ติดตามของคุณเป็นเพศไหน อายุเท่าไหร่ และออนไลน์ช่วงเวลาไหนมากที่สุด เพื่อลงคลิปให้ถูกเวลา ฯลฯ
 
8. ครองหน้าค้นหาด้วย "TikTok SEO"
ผู้คนจำนวนมากเริ่มใช้ TikTok เป็น Search Engine เพื่อค้นหาข้อมูล, รีวิว, และวิธีแก้ปัญหาโดยตรง นี่คือขุมทรัพย์ที่ร้านค้าส่วนใหญ่มองข้าม เพราะการ "ค้นหา" เหล่านั้นคือความตั้งใจซื้อ (Purchase Intent) สูงกว่าทราฟฟิกที่มาจากการ "ไถเจอ" ลูกค้ารู้อยู่แล้วว่าตัวเองต้องการอะไร การทำให้คลิปของคุณไปปรากฏเป็นอันดับต้น ๆ ในหน้าค้นหาจึงเหมือนกับการมีหน้าร้านอยู่บนทำเลทองที่ลูกค้าเดินเข้ามาหาเอง ลองเริ่มจากการหาพิมพ์คำค้นหาหลัก ๆ ที่เกี่ยวกับสินค้าของคุณในช่องค้นหาของ TikTok แล้วสังเกตดู "คำแนะนำ" (Auto-Suggestions) ที่เด้งขึ้นมา นั่นคือสิ่งที่คนกำลังค้นหากันจริง ๆ

ความพิเศษอัลกอริทึมของ TikTok สามารถถอดเสียงพูดในวิดีโอได้ ดังนั้น ใน 3-5 วินาทีแรกของคลิป ให้คุณพูดคีย์เวิร์ดหลักออกมาดัง ๆ ชัด ๆ เช่น "วันนี้จะมารีวิว ครีมกันแดดสำหรับคนเป็นสิว ที่ดีที่สุด...", ใส่ข้อความที่เป็นคีย์เวิร์ดหลักพาดหัวไว้บนคลิปอย่างชัดเจน เพราะ TikTok "อ่าน" ตัวหนังสือบนหน้าจอเพื่อทำความเข้าใจเนื้อหา, เรียนรู้ที่จะผสมผสานแฮชแท็กทั้งแบบที่เข้าถึงได้ในวงกว้าง: (ตัวอย่าง #รีวิวบิวตี้, #ป้ายยา ฯลฯ), แฮชแท็กเจาะจง (ตัวอย่าง #ครีมกันแดดคุมมัน, #เซรั่มหน้าใส) และที่สำคัญอย่าลืมแฮชแท็กแบรนด์ของคุณ

9. เปลี่ยนทุกปัญหาให้เป็นโอกาสทองด้วย ‘Service Recovery’
ไม่มีธุรกิจไหนสมบูรณ์แบบ ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ (เช่น ส่งของผิด, สินค้ามีตำหนิ) แต่สิ่งที่แยกระหว่างร้านค้าธรรมดากับแบรนด์ที่ยอดเยี่ยมคือ "วิธีรับมือ" กับความผิดพลาดนั้น Service Recovery คือศิลปะในการเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส เปลี่ยนลูกค้าที่กำลังโกรธให้กลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ที่รักคุณยิ่งกว่าเดิม การแสดงความรับผิดชอบอย่างจริงใจและแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าอย่างดีที่สุดต่อหน้าสาธารณะ เป็นการสร้างความไว้วางใจที่ทรงพลังที่สุด มันบอกลูกค้าในอนาคตทุกคนว่า "การซื้อของจากร้านนี้ปลอดภัยนะ แม้มีปัญหาเขาก็ไม่ทิ้ง"

เมื่อเจอลูกค้าคอมเมนต์ถึงปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ แทนที่จะแค่ขอโทษ ลองทักแชทไปหาลูกค้าเพื่อส่งสินค้าชิ้นใหม่ไปให้ พร้อมของขวัญพิเศษ เพื่อเป็นการปลอบใจ เมื่อลูกค้าได้รับแล้ว พวกเขามักจะดีใจและนำไปโพสต์รีวิวให้คุณเองโดยที่คุณไม่ต้องร้องขอ, หากเกิดความผิดพลาดใหญ่ ๆ ที่กระทบคนจำนวนมาก อย่าซ่อนปัญหา! ให้อัดคลิปวิดีโอออกมายอมรับอย่างตรงไปตรงมา กล่าวขอโทษ และประกาศมาตรการแก้ไขที่ชัดเจนและ "เกินความคาดหมาย" ของลูกค้า เช่น "สำหรับลูกค้าล็อตนี้ทุกคน ทางเราจะส่งสินค้าชิ้นใหม่ไปให้ทันทีโดยไม่ต้องส่งของเก่าคืน" ความโปร่งใสแบบนี้จะสร้างเสียงชื่นชมได้อย่างไม่น่าเชื่อ, เปลี่ยนคำถามที่พบบ่อย (FAQ) เป็นคอนเทนต์ป้องกัน หากมีคำถามหรือปัญหาเดิม ๆ เกิดขึ้นซ้ำ ๆ (เช่น ทำไมของส่งช้า?) อย่ารอให้ลูกค้ามาบ่น ให้ทำคลิปอธิบายกระบวนการทำงานของคุณอย่างโปร่งใสเพื่อจัดการความคาดหวังของลูกค้าตั้งแต่เนิ่น ๆ

10. คิดคอนเทนต์ไม่ออก? บอก AI
ในยุคนี้เรามี "ผู้ช่วยส่วนตัว" ที่เก่งมาก ๆ และใช้งานได้ฟรีอยู่ในมือถือของเราทุกคนแล้ว นั่นก็คือ AI (อย่างเช่น ChatGPT หรือ Gemini) เทคนิคนี้คือการ "คุย" กับ AI เหมือนเป็นลูกน้องหรือเพื่อนร่วมทีมคนหนึ่ง เพื่อให้เขาช่วยคิดไอเดียทำคลิปสนุก ๆ ให้คุณได้แบบไม่มีวันหมด กลยุทธ์นี้แก้ปัญหา "ความคิดตัน" ได้อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่ถนัดคอมพิวเตอร์ เพราะมันไม่ต้องใช้โปรแกรมอะไรที่ซับซ้อนเลย แค่พิมพ์คุยกับ AI เป็นภาษาไทยธรรมดาๆ ก็สามารถเปลี่ยนเรื่องยาก ๆ ให้กลายเป็นเรื่องง่ายได้ในพริบตา และช่วยให้คุณมีเวลาไปโฟกัสกับการขายและการดูแลลูกค้ามากขึ้น

บอก AI ว่า "เราเป็นใคร" พิมพ์บอก AI ไปตรง ๆ เลยว่าร้านของคุณขายอะไร (ตัวอย่าง ฉันขายครีมกันแดดสำหรับคนเป็นสิว), บอก AI ว่า "ลูกค้าเราคือใคร" อธิบายกลุ่มลูกค้าของคุณให้ AI ฟังง่ายๆ (ตัวอย่าง ลูกค้าของฉันส่วนใหญ่เป็นนักเรียนนักศึกษา) เช่น ช่วยคิดไอเดียทำคลิป TikTok ให้หน่อย 5 แบบ ที่สนุก ๆ และวัยรุ่นชอบ

การเพิ่มยอดขายใน TikTok Shop ไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่เกิดจากการผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์, การเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค, และการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จงอย่ากลัวที่จะทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ วัดผล และปรับปรุงอยู่เสมอ นำเทคนิคที่ลงลึกเหล่านี้ไปปรับใช้ แล้วคุณจะพบว่าการสร้างยอดขายหลักแสนหรือหลักล้านบน TikTok Shop ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝัน

 
ใช้ BigSeller วันนี้ ก้าวสู่การเป็นผู้ค้ารายใหญ่