Blog > ข่าวร้อน > น้ำท่วมภาคใต้–หาดใหญ่: วิกฤติที่กลายเป็นแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นและผู้ประกอบการ

น้ำท่วมภาคใต้–หาดใหญ่: วิกฤติที่กลายเป็นแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นและผู้ประกอบการ

มิวมิว 11 ธ.ค. 2025 04:05Copy link & title

ช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้หลายพื้นที่ใน อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เผชิญกับน้ำท่วมฉับพลัน ถนนหลายสายถูกตัดขาด ย่านการค้าต้องหยุดชะงักชั่วคราว ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการทั้งออฟไลน์และออนไลน์อย่างกว้างขวาง

แม้น้ำท่วมปลายปีจะเกิดขึ้นเป็นประจำ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้มีความรุนแรงและยาวนานมากขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจหาดใหญ่ชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในภาคค้าปลีก ท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจภาคใต้
 

ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากน้ำท่วมในพื้นที่หาดใหญ่

1 ย่านการค้ากลางเมืองหยุดดำเนินการ

บริเวณตลาดกิมหยง ตลาดสตาร์ และถนนเสน่หานุสรณ์เกิดน้ำท่วมขังต่อเนื่อง ทำให้

  • ร้านค้าต้องปิดกิจการหลายวัน

  • สินค้าหลายประเภทเสียหาย

  • รายได้ลดลงทันที 40–70% (ขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจ)

ผู้ค้าปลีก โดยเฉพาะร้านอาหาร ของฝาก และสินค้าฟุ่มเฟือยได้รับผลกระทบมากที่สุด

2 ภาคท่องเที่ยว–บริการกระทบหนัก

หาดใหญ่เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มมาเลเซีย–สิงคโปร์ เมื่อถนนหลายสายไม่สามารถสัญจรได้
โรงแรม ร้านอาหาร และแหล่งท่องเที่ยวต้องรับมือกับการยกเลิกการจองในช่วงไฮซีซันปลายปี ส่งผลให้รายได้ลดลงอย่างมาก

3 ความล่าช้าในระบบขนส่งกระทบผู้ขายออนไลน์

ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซในหาดใหญ่ต้องเผชิญกับปัญหาโลจิสติกส์ เช่น

  • รถขนส่งเข้า–ออกเมืองต้องเปลี่ยนเส้นทาง

  • ศูนย์กระจายพัสดุบางแห่งหยุดให้บริการชั่วคราว

  • พัสดุหลายรายการติดค้างในคลัง

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ

  • เวลาจัดส่งยาวขึ้น

  • ลูกค้าติดต่อสอบถามมากขึ้น

  • คะแนนร้านค้าบางรายลดลงเนื่องจากการจัดส่งล่าช้า

จุดนี้ส่งผลโดยตรงต่อผู้ขายที่พึ่งพาการจัดส่งภายในวันถัดไปหรือจัดส่งด่วน

4 ภาคเกษตรเสียหาย ต้นทุนอาหารปรับสูงขึ้น

พื้นที่รอบอำเภอ เช่น คลองหอยโข่ง บางกล่ำ และนาหม่อมได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแปลงเกษตร
ทำให้

  • ยางพารา

  • ปาล์มน้ำมัน

  • ผักพื้นบ้าน

เสียหายจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดปรับเพิ่มขึ้นทันที
 

แนวทางฟื้นฟูหลังน้ำท่วมสำหรับผู้ประกอบการ

1 ฟื้นฟูสต๊อกสินค้าและจัดโครงสร้างคลังใหม่เพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต

ผู้ประกอบการควร

  • ตรวจสอบสินค้าชำรุดเสียหายและคัดทิ้งทันที

  • แยกสินค้าเปราะบางขึ้นชั้นสูง

  • ปรับผังคลังสินค้าให้มี “โซนปลอดภัย”

  • ใช้ระบบ WMS เพื่อติดตามสต๊อกแบบ Real-time

การจัดการเชิงรุกนี้ช่วยลดความเสียหายเมื่อเกิดน้ำท่วมซ้ำ

2 กระจายช่องทางการขาย (Omni-channel) เพื่อลดความเสี่ยงรายได้

ในช่วงน้ำท่วมพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ผู้ขายควร

  • เปิดขายหลายแพลตฟอร์ม เช่น Shopee, Lazada, TikTok Shop

  • ใช้ระบบยิงสต๊อกกลางเพื่อป้องกันสต๊อกติดลบ

  • ตั้งข้อความแจ้งเตือนลูกค้าเรื่องความล่าช้าของการจัดส่ง

ยิ่งมีช่องทางหลากหลาย ยิ่งลดการพึ่งพารายได้จากหน้าร้านที่อาจปิดชั่วคราวได้

3 วางระบบโลจิสติกส์สำรองเพื่อป้องกันออเดอร์ค้าง

เพื่อให้ธุรกิจไม่หยุดชะงัก

  • ใช้ผู้ให้บริการขนส่งหลายเจ้า

  • ตรวจสอบเส้นทางที่น้ำท่วมน้อยกว่า

  • ใช้ระบบติดตามออเดอร์อัตโนมัติ เพื่ออัปเดตสถานะให้ลูกค้าทันที

วิธีนี้ช่วยลดความเข้าใจผิดและลดการยกเลิกออเดอร์ได้มาก

4 ใช้สิทธิสนับสนุนจากรัฐและท้องถิ่น

รัฐบาลออกมาตรการ “เงินเยียวยาน้ำท่วม 2568” ครัวเรือนละ 9,000 บาท เพื่อช่วยบรรเทาภาระเบื้องต้นให้ผู้ประสบภัย โดยเปิดระบบลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิผ่านเว็บไซต์  flood68.disaster.go.th
 

การตลาดหลังฟื้นฟูเพื่อดึงลูกค้ากลับมา

หลังน้ำลด ผู้ประกอบการสามารถสร้างแรงซื้อกลับมาได้ผ่าน

  • ไลฟ์สดเคลียร์สต๊อก

  • คูปองพิเศษสำหรับลูกค้าเก่าในพื้นที่ภาคใต้

  • ยิงโฆษณาแบบ Hyper-local targeting

กลยุทธ์เชิงรุกทำให้ยอดขายกลับมาฟื้นตัวเร็วขึ้น
 

บทเรียนสำคัญ: ระบบหลังบ้านที่ดีทำให้ธุรกิจฟื้นตัวเร็วกว่า

เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้สะท้อนว่า

ธุรกิจที่มีระบบสต๊อกและออเดอร์ที่เป็นระบบ จะรับมือภัยพิบัติได้ดีกว่า และฟื้นกลับสู่ภาวะปกติได้เร็วกว่า

เครื่องมืออย่าง BigSeller ช่วยผู้ประกอบการ

  • ควบคุมสต๊อกได้แม่นยำ

  • จัดการออเดอร์หลายช่องทาง

  • ลดปัญหาสินค้าติดลบ

  • อัปเดตสถานะพัสดุให้ลูกค้าอัตโนมัติ

เหมาะกับธุรกิจที่ต้องรับมือเหตุการณ์ไม่คาดคิดในทุกปี
แหล่งอ้างอิง :
https://www.thairath.co.th/news/society/2900722

https://www.matichon.co.th/weekly/column/article_872664